เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
เป็นองค์กรที่สนับสนุนการพัฒนาสังคมประเทศชาติ ด้วยการพัฒนาคุณภาพบุคลากร ในองค์กรของทั้ง ภาครัฐและเอกชน ด้วยการพัฒนาจิตใจ พัฒนา พฤติกรรม โดยยึดหลักพัฒนาอะไรก็ติดหากจิตไม่ พัฒนา อันเป็นพื้นฐานการพัฒนาคุณภาพบริการ คุณภาพการผลิต คุณภาพการทำงาน รวมทั้งเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง โดยเน้นการพัฒนาให้สามารถ ปฎิบัติตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง และสร้าง จิตสำนึก ความรักองค์กร รักงาน ขยัน สู้งานหนัก มี ความรับผิดชอบพัฒนางาน สร้างคุณภาพทุรูป แบบ **สัญลักษณ์ของชมรมนักพัฒนาฯ เป็น รูปสามเหลี่ยมด้านเท่าภายใน มีดอกบัวที่มีสามกลีบ ด้านซ้ายและขวาของรูปสาม เหลี่ยมเป็นแถบสีธงชาติ ด้านล่างเป็นชื่อของชมรมฯ ทีความหมายดังนี้ • รูปสามเหลี่ยมด้านเท่าด้านซ้ายและขวาเป็นแถบสีธงชาติ ด้านล่างเป็นชื่อชมรมฯ หมายถึงเป้าหมายสูงสุดของชมรมฯ คื่อเพื่อความมั่นคงของประเทศชาติ•รูปดอกบัวสามกลีบภายในสามเหลี่ยม หมายถึง อุดมการณ์สามข้อ ของนักพัฒนา คือ•◦ขยัน - อย่างฉลาดปราศจากอบายมุข◦ พึ่งตนเอง - อย่างมีศักดิ์ศรี วินัย◦ร่วมมือร่วมใจ - เห็นปัญหาของหน่วยงานและสังคม เป็นภาระกิจที่ต้องช่วยกันแก้ไข

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2552

บ้านในเมือง

เมืองเป็นสถานที่ที่มีผู้อาศัยต่อเนื่องและหนาเเน่นไม่ว่าจะเป็นเมืองเก่าหรือเมืองใหม่หรือเป็นเมืองที่เคยถูกทิ้งให้ร้างก็ตาม ย่อมมีคุณค่าในทางประวัติศาสตร์โบราณคดี ศิลปวัฒนธรรมและเทคโนโลยี ซึ่งเป็นหลักฐานให้คนรุ่นหลังมีโอกาสศึกษาและทำความเข้าใจในเรื่องต่างๆ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การบริหาร การปกครองและเทคโนโลยีได้ทั้งสิ้น
เมืองไม่ใช่แค่ตึก ๆ ๆ ไม่มีคน ไม่ชีวิต ก็ไม่มีเมือง. ศิลปะมาจากทุกส่วนของชีวิต ตามบ้าน ตามถนน
ให้เมืองมีชีวิตชีวา เอาศิลปะไปใส่ในเมือง ไม่ต้องให้หน่วยงานไหนไปทำก็ได้ คนในเมืองก็ทำกันเองได้ศิลปะเมือง กราฟิติ (Graffiti) กับ สีสเปรย์เลอะเทอะ เป็นคนละอย่างถ้าจัดให้ถูกที่ถูกทางได้ น่าจะทำให้เมือง สนุกขึ้น รึเปล่า?
อยากได้ สวน กับ พื้นที่ใช้สอยสาธารณะกลางแจ้ง ด้วย กระจาย ๆ กันไปทั้งเมืองหาที่ ๆ ให้คนมาทำอะไรด้วยกันได้ เดี๋ยวก็จะมีอะไรใหม่ ๆ เกิดเอง
คน คน คน ต่างคนต่างอยู่ มันก็ไม่คนเป็นเมืองเท่าไหร่เหมือนกัน
แต่ถ้าเป็น คน-คน-คน รู้จักกัน ทำอะไรด้วยกัน มีอะไรร่วมกัน เมืองน่าจะเป็นเมืองขึ้น .. คนรู้สึกผูกพันกับเมืองมากขึ้น ถ้าคนในเมืองรักเมืองมากขึ้น จะทำให้เมืองน่าอยู่ขึ้นมั๊ย?

วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เมืองมีนถิ่นทอง

เมืองที่ฉันอาศัยอยู่นั้นเต็มไปด้วยประชากรที่หนาเเน่น รวมถึงตึกรามบ้านช่องที่อยู่เเถบๆชานเมืองรอบๆกรุงเทพฯ ในเมื่อครั้งเวลาในอดีตยังเต็มไปด้วยทุ่งนา ต้นไม้เขียวขจี ทำให้เมื่อครั้งใดที่ตื่นมาในยามเช้าตรู่ต้องรู้สึกสดชื่นเมื่อได้สูดอากาศยามเช้า เเต่กลับเป็นไปในทางตรงข้ามกัน ที่ปัจจุบันในตอนนี้ที่เเห่งนี้เต็มไปด้วยตึก อาคารพาณิชย์ บ้านจัดสรร การจราจรก็ติดขัดที่มีผลมาจากผู้คนต้องรีบเร่งไปทำงานกันเเต่เช้า ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเป็นอย่างมากจนบางครั้งที่ฉันได้นั่งรถโดยสารผ่านไปในที่เเต่ละที่ก็จำแทบไม่ได้เลยว่าที่ตรงนี้เคยเป็นบ่อน้ำ เคยเป็นคูคลองมาก่อน แต่ปัจจุบันมันกลายเป็นถนน ห้างสรรพสินค้าไปหมดเเล้ว แต่ก็ยังคงความเป็นชนบทที่แฝงอยู่ในเมืองอยู่บ้าง เพราะบางที่บางแห่งก็ยังสามารถมองเห็นทุ่งนาเขียวขจีอยู่บ้าง อันที่จริงเเล้วภาพเหล่านั้นในอดีตก็ยังคงไม่หายไปไหน แต่เเค่สิ่งต่างๆในปัจจุบันต้องมีการพัฒนาไปตามยุคสมัยที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้าก็เท่านั้นเอง